Translate
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ความทารุณโหดร้ายของพม่า
คอลัมน์ คนเดินตรอก
โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร
ข่าวเรื่องการกวาดล้างและการอพยพทิ้งถิ่นฐานของชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ พร้อม ๆ กับการเกิดขึ้นของขบวนการก่อการต่อสู้เพื่อสิทธิในการตั้งถิ่นฐานของบรรพบุรุษชาวมุสลิมโรฮีนจา ที่ได้อพยพออกไปด้วยสาเหตุใดก็ตาม บัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมาหลายชั่วคนแล้ว ชาวโรฮีนจาก็ควรจะได้รับสัญชาติพม่าหรือเมียนมาแล้วแต่จะเรียก
เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศเมียนมาในปัจจุบันประกอบด้วยดินแดนที่เป็นอาณาจักร เป็นนครรัฐ หลาย ๆ อาณาจักร หรือหลายหลากรัฐ ที่ประชากรของแต่ละอาณาจักรหรือนครรัฐมีเชื้อชาติ มีภาษาประวัติความเป็นมาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั้งสิ้น หลาย ๆ อาณาจักรและนครรัฐเคยเป็นนายของชนชาติพม่า เช่น อาณาจักรพม่าที่ตองอูหรือที่อังวะก็เคยอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรมอญ เป็นต้น จนเมื่อประมาณ 250 ปีมานี้ พระเจ้าอลองพญา จึงสามารถประกาศเอกราชจากอาณาจักรมอญ และตั้งราชธานีอยู่ที่กรุงอังวะ ฝั่งตรงกันข้ามกับกรุงมัณฑะเลย์ เมืองหลวงสุดท้ายของกษัตริย์พม่า ก่อนจะเสียเอกราชให้กับอังกฤษในรัชกาลพระเจ้าสีป่อ
พม่าปกครองประเทศราชหรือเมืองขึ้นด้วยความโหดร้ายทารุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวมอญ กะเหรี่ยง ยะไข่และไทยใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงชนชาติอื่นที่ไม่ได้นับถือพุทธแบบเถรวาท ทำให้ชนชาติอื่น เช่น มอญและไทยใหญ่ต้องอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทยหลายระลอก
เมื่อนายพลเนวินทำปฏิวัติในปี 2505 เนวินประกาศปิดประเทศ ยกเลิกกรรมสิทธิ์ของเอกชนตามแนวทางสังคมนิยมแบบพม่า หรือ Burmese Way to Socialism ยึดทรัพย์สินของประชาชน ขับไล่พ่อค้าที่ร่ำรวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอังกฤษ อินเดียและจีนออกจากประเทศจนหมด
รัฐบาลทหารปกครองประเทศด้วยกองกำลังติดอาวุธ ฉีกสัญญาที่จะให้สิทธิปกครองตนเองกับรัฐต่าง ๆ จากที่เคยสัญญาว่าประเทศจะเป็น “สมาพันธรัฐ” ก็กลายเป็นเพียง “สหภาพ” และกลายเป็น “สาธารณรัฐ” ในปัจจุบัน จับเจ้าฟ้าไทยใหญ่ทั้งหมดเข้าคุก กวาดล้างกลุ่มผู้เรียกร้องให้ปฏิบัติตามสัญญา
เมื่อ นางซู จี บุตรีคนเดียวของนายพลออง ซาน บิดาของประเทศพม่า เพราะเป็นหัวหน้าขบวนการรวบรวมผู้นำของชนชาติต่าง ๆ เรียกร้องเอกราชจากอังกฤษและได้รับเอกราชจากอังกฤษต่อจากอินเดีย โดยการแยกออกจากอินเดียไม่เป็นรัฐหนึ่งของอินเดีย เหมือนสมัยที่อยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ
เมื่อพม่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนในขณะที่พม่าปกครองโดยเผด็จการทหาร เป็นความรู้สึกที่กระอักกระอ่วนใจของสมาชิกเดิม เพราะข่าวเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงมีออกมาให้เห็นกันอยู่เสมอ ชนชาติพม่าเท่านั้นที่จะเป็นนายทหารของกองทัพพม่าได้ ชนชาติอื่น เช่น มอญ กะเหรี่ยง ยะไข่ คะฉิ่น มีโอกาสน้อยมากที่สามารถสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยได้ แต่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นพลทหาร วิธีเกณฑ์ทหารก็ยังทำแบบสมัยโบราณ กล่าวคือ เอาทหารมาล้อมจับเอาจากหมู่บ้านต่าง ๆ โดยไม่ให้รู้ตัว เพราะถ้ารู้ตัวชายฉกรรจ์ทั้งหลายก็จะหลบหนีเข้าป่า และคอยทำร้ายนายทหารพม่าที่ออกมาล้อมจับคนไปเป็นทหาร เพื่อใช้ไปรบกับชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่น
เมื่อทหารพม่าเข้ามาปกครองแล้วอยากจะยึดที่ดินใครก็ยึด นอกเหนือจากการยึดข้าวปลาอาหารจากยุ้งฉางก็ให้ทหารทำนาเพื่อเป็นเสบียง ใครมีรถยนต์หรือพาหนะทหารพม่าก็สามารถ “ยืม” ไปใช้ในราชการได้โดยไม่ต้องคืน ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านที่ไม่ใช่ทหารจึงไม่กล้าที่จะมีรถรายานพาหนะแพง ๆ แต่นิยมซื้อทองหรืออัญมณีหรือเงินดอลลาร์เก็บไว้แทน คนจึงถือเงินหรือถือทองเพราะถ้าถือเป็นเงินจ๊าตพม่าก็จะยุ่งยากลำบากในการจับจ่ายซื้อของแพง ๆ อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษนั้นยังดีกว่าอยู่ใต้การปกครองของพม่า
จึงไม่น่าแปลกใจเมื่อพรรคของนางซู จี ลูกสาวของ นายพลออง ซาน จะได้รับการเลือกตั้งจนมีเสียงข้างมากในสภาแห่งชาติ แต่ในที่สุด นางซู จี ก็แสดงให้เห็นว่ายังมีจิตสำนึกเป็นชาติ “พม่า” แทนที่จะเป็นเมียนมา อย่างที่ชาวตะวันตกรวมทั้งคนไทยเคยคาดหวังเอาไว้
ถ้าไปถามแรงงานชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยงหรือชาวไทยใหญ่ในประเทศไทยก่อนการเลือกตั้งต่างก็สนับสนุนพรรคของนางซู จี แต่บัดนี้ทุกคนเปลี่ยนใจ ต่างก็ประณามนางซู จี ว่าเป็นนาง “แม่มด” แทนที่จะเป็น “นางฟ้า” ที่จะมาช่วยปลดปล่อยชาวเมียนมาจากการถูกกดขี่ข่มเหงโดยทหารพม่า
ภาพและข่าวที่ชาวพม่าและชาวยะไข่ซึ่งก็เป็นชาวพม่าเพียงแต่เคยเป็นอีกอาณาจักรหนึ่ง ภาษายะไข่กับภาษาพม่าเป็นภาษาตระกูลเดียวกัน ใกล้เคียงกัน เหมือนภาษาไทยกับภาษาลาว เหมือนภาษาสเปนกับภาษาโปรตุเกสหรืออิตาลี เป็นต้น ร่วมกับกองทัพพม่าเล่นงานกวาดล้างชาวโรฮีนจาที่มีหน้าตาเป็นแขกมุสลิม เผาบ้านทั้งหมู่บ้าน ชาวโรฮีนจาจึงอพยพหนีตายลงเรือบ้าง ว่ายน้ำบ้าง ข้ามแม่น้ำข้ามทะเลไปประเทศบังกลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศมุสลิมด้วยกัน ด้วยการช่วยเหลือทางการเงินจากพวกที่ได้อพยพออกมาก่อนชนกลุ่มน้อยในประเทศไทยมีไม่น้อยกว่าที่อยู่ในพม่า แต่โชคดีกว่า เพราะคนไทยค่อนข้างโอบอ้อมอารี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอพยพ ยกเว้นบางกรณีที่เจ้าหน้าที่ส่วนน้อยกระทำการทารุณโหดร้ายกับชาวอพยพที่มาจากเพื่อนบ้าน และในไม่ช้าเพียง 2-3 ชั่วอายุคน
ชนกลุ่มน้อยก็กลืนเข้าไปกับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นคนจีนที่กรุงเทพฯ หรือหัวเมืองตะวันออก หรือชาวเวียดนามใน 5 จังหวัดในภาคอีสาน รวมทั้งชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ เช่น โซ่ ส่วย ภูไท หย่อ และอื่น ๆ ที่เคยเป็นชนเผ่าที่ไม่ใช่พุทธ แต่นับถือผีสางนางไม้ ผีบรรพบุรุษ เป็นต้น
นักสิทธิมนุษยชน นักประชาธิปไตยตะวันตก รวมทั้งสื่อมวลชนไทยต่างก็เข้าใจผิด คิดว่า นางซู จี ซึ่งเกิดเมื่อวันที่บิดาหรือ นายพลออง ซาน ถูกลอบยิง จากนั้นก็เติบโตขึ้นและได้รับการศึกษาที่ประเทศอังกฤษ จะมีจิตวิญญาณเป็นนักประชาธิปไตย นักสิทธิมนุษยชน และมีความเป็นสากลนิยม ไม่ใช่ชาตินิยมพม่าอย่างรุนแรง เมื่อนางประกาศจะประนีประนอมกับชนกลุ่มน้อย คำมั่นสัญญาดังกล่าวก็เป็นเพียงลมปาก หากเดินทางเข้ามาเยี่ยมแรงงานมอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ในประเทศไทยอีก ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการต้อนรับจากแรงงานจากประเทศเมียนมาดังเช่นที่เคยเป็นมา
การสู้รบระหว่างกองทัพของชนกลุ่มน้อย ไม่ว่าจะเป็นมอญ กะเหรี่ยง ว้า หรือไทยใหญ่ ในดินแดนเมียนมา ไม่ได้ลดระดับความรุนแรงลงเลย มีแต่จะรุนแรงยิ่งขึ้น เคยเดินทางไปรัฐพะสิม อยู่ติดทะเลอันดามัน แทบจะไม่เห็นผู้ชายอยู่บ้าน เห็นแต่ผู้หญิง สอบถามดูได้ความว่าผู้ชายออกไปทำงานที่ประเทศไทยเกือบหมด เหลือแต่คนแก่และผู้หญิงเพราะถ้าไม่ออกไปทำงานในเมืองไทย ก็จะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารและถูกส่งให้ไปรบกับชนชาติอื่นแทนพม่า สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นที่รัฐอื่น ๆ ของพม่าด้วย
ความแตกแยกและเกลียดชังกันระหว่างชนชาติต่าง ๆ กับชนชาติพม่านั้นหยั่งรากลึก ไม่เฉพาะชนชาติอื่นในเมียนมาเท่านั้นที่เกลียดชังชนชาติพม่า แม้แต่บรรดาคนที่เข้ามาหางานทำในเมืองไทยก็ไม่เอาชาวพม่า ถ้าโรงงานใดจ้างแรงงานชนชาติพม่า ก็จะไม่มีกะเหรี่ยง มอญ หรือไทยใหญ่ไปทำงานด้วย ถ้านายจ้างจะจ้างแรงงานที่เป็นชาวพม่าแล้ว ก็ไม่ต้องไปหาแรงงานชนชาติอื่น แต่โรงงานที่ไม่มีชาวพม่าอาจจะมีแรงงานมอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่อยู่ด้วยกันได้
ความรู้สึกเป็นลบกับชนชาติพม่า ก็ยังมีอยู่กับคนไทยเชื้อสายมอญ กะเหรี่ยง หรือไทยใหญ่ หรือไต ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้เกิดที่เมียนมา แต่ได้รับการบอกเล่าจากบรรพบุรุษถึงความโหดร้ายทารุณ ถูกกดขี่ข่มเหงจากชาวพม่าและทหารพม่า รวมทั้งข่าวการกดขี่ข่มเหงรังแกชนชาติอื่นในพม่าก็ยังมีอยู่
สถานการณ์ ข้อเท็จจริง ความรู้สึกนึกคิดและทัศนคติที่มีต่อชนชาติพม่ายังคงฝังลึก ภาพการกดขี่ข่มเหงชนเผ่าอื่นปรากฏชัดจากการเฉยเมยของนางซู จี ชาวมุสลิมถูกกระทำโดยชาวพุทธ นำโดยพระภิกษุ วีระทู เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเมียนมาไม่มีวันจะสงบสุขพอที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญเทียมหน้าเทียมตากับประเทศเพื่อนบ้านได้
สงสารชาวไทยใหญ่ ชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยงที่โชคร้ายอยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพและชาวพม่า ประเทศที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่สุดในอาเซียน แต่กลายเป็นประเทศที่พลเมืองยากจนที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มองไม่เห็นอนาคตจริง ๆ
เครดิต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น